เข้าสู่ระบบ

เลือกเลี้ยงไก่ตะเภาทอง

เลือกเลี้ยงไก่ตะเภาทองอย่างไร

เลือกเลี้ยงไก่ตะเภาทอง

เลือกเลี้ยงไก่ตะเภาทอง อย่างไร ให้ได้คุณภาพ ตรงต่อความต้องการของตลาด และขายได้ทุกตัว

เลือกเลี้ยงไก่ตะเภาทอง

ไก่จัดเป็นโปรตีนราคาไม่แพงสำหรับการบริโภคของชาวไทยในปัจจุบัน สังคมเมืองที่เข้มข้นทำให้มีอุตสาหกรรมเลี้ยงไก่กันเป็นล่ำเป็นสันของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายค่อย ถึงขนาดเป็นสินค้าส่งออกอันดับต้นๆของไทย การเลี้ยงในระบบอีแว้ปหรือปรับอุณหภูมิมำให้จำนวนไก่ที่ผลิตได้จำนวนมากและยังใช้ระยะเวลาสั้นกว่าเดิม มีจำนวนเพียงพอสำหรับการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก

เราหลงไหลได้ปลื้มกันกับไก่ฟาร์มมาหลายสิบปีจนไก่พื้นบ้านที่เลี้ยงไว้สำหรับกินไปเสียแล้ว ในปัจจุบันการเลี้ยงไก่พันธุ์พื้นเมืองมุ่งไปทางไก่ชนเสียมากกว่าจะมีจุดประสงค์ที่นำมาเป็นโปรตีนที่ไม่ต้องจ่ายเงินซื้อในบ้านจนผมหมดความคาดหวังเรื่องนี้เสียแล้ว จนได้เจอ อาจารย์สุชาติ สงวนพันธุ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาสัตวบาล คณะเกษตร วิทยาเขตกำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงพบว่ามีคนคิดอย่างนี้เหมือน

ไก่ที่เรากอนกันในปจจุบันจะถูกเลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูปจากโรงงานซึ่งปรนเปรอสารพัดที่จะให้โตเร็วๆ เพื่อกำไรของเจ้าของโดยไม่คำนึงถึงผู้บริโภค ในระยะสั้นเราอาจไม่เห็นผลเหมือนสารบางอยางที่ใช้ในสัตว์ เช่น สารเร่งเนื้อแดงที่ใช้ในหมู และต้องยอมรับว่ามีการใส่สารเคมีที่ผ่านการรับรองว่าปลอดภัยใช้ในอาหารสัตว์เช่นกัน สารเร่งนี้อาจส่งผลในระยะยาวแต่เรายังไม่มีงานวิจัยว่ามีโทษ แต่สารพัดโรคทั้งหลายของเราได้มาจากการบริโภคทางปากเป็นหลัก จะเห็นได้ว่าคนอายุยังน้อยก็เริ่มเป็นมะเร็ง ซึ่งยังหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ แต่การกินอาหารจากแหล่งอุตสาหกรรมเกษตรเป็นเรื่องที่น่าพิจารณา

การเลี้ยงไก่เพื่อการบริโภคในบ้านเป็นแนวคิดตามรอยของ พ่อ เศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเราสามารถมีลูกไก่ได้เองจากพ่อแม่ที่ออกไข่และฟักตามธรรมชาติ ไม่ต้องซื้อหา ซึ่งปัจจุบันตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ไช้หวัดนก คนเลี้ยงเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นฟาร์มคอนแทร็กต์ อุตสาหกรรมผลิตไก่จึงผลิตเพื่อเฉพาะป้อนลูกเล้าของตัวเอง ฟาร์มไก่อิสระหายไปจึงไม่ต่อยมีลูกไก่ออกขาย

อาจารย์สุชาติ เล่าความคิดนี้ว่าหลังจากมีการเลี้ยงไกเป็นอุสาหกรรมการเกษตร การปรับปรุงพันธุ์ก็เพื่อตอบสนองความต้องการของการเลี้ยงไก่แบบนี้คือโตเร็ว มีอัตราแลกเนื้อดี นี่คือการตอบสนองต่อวงการธุรกิจ ไก่พื้นบ้านไม่ได้รับการส่งเสริม ดีว่ายังมีการอนุรักษ์ไก่ชนอยู่ ไก่พื้นบ้านจึงยังมีเหลืออยู่บ้าง แต่มุ่งไปทางไก่ชนมากว่า จึงเห็นว่าควรจะพัฒนาพันธุ์เหมาะกับการเลี้ยงบริโภคในครัวเรือน

พ่อแม่ที่มีคุณสมบัติเหมาะกับการเป็นพ่อแม่พันธุ์

ไก่ลูกผสมตะเภาทองเกษตรศาสตร์ เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างไก่พื้นเมืองของไทยพันธุ์หนึ่ง ที่เกือบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว ชื่อว่า ไก่พันธุ์ตะเภาทอง กับไก่พื้นเมืองของจีน ชื่อว่า ไก่สามเหลือง (ชาอึ้ง) ซึ่งไก่สองพันธุ์ดังกล่าว มีข้อดีข้อเสีย แตกต่างกัน กล่าวคือ ไก่พันธุ์ตะเภาทองมีขนาดตัวใหญ่ ลักษณะหงอนหินเหมือนไก่พื้นเมือง(ไก่ชน) ผิวหนัง,สีแข้ง สีขน และจะงอยปากเหลืองอ่อน ใช้เวลาเลี้ยงเมื่อโตเต็มที่ ประมาณ 5 เดือนครั่ง ถึง 6เดือน น้ำหนักเพศผู้ 3.3-3.8 กิโลกรัม เพศเมียน้ำหนักตัว 2.8-3.2 กิโลกรัม

ส่วนไก่พันธุ์สามเหลือง มีขนาดตัวเล็กลักษณะหงอนจักร ขนาดค่อนข้างใหญ่(ตลาดไม่ต้องการ) ผิวหนัง,สีแข้ง, สีขนและจะงอยปากสีเหลือง เจริญเติบโตเร็ว ใช้เวลาเลี้ยงเมื่อโตเต็มที่ 4-5 เดือน น้ำหนัก เพศผู้ 2.5-2.8 กิโลกรัม เพศเมียน้ำหนัก 1.3-1.6 กิโลกรัม

ไก่ทั้งสองสายพันธุ์นี้ทนต่อสภาวะอากาศที่แปรปรวนได้ดีเยี่ยมทั้งสองสายพันธุ์ส่วนเนื้อจะมีความนุ่ม หอมกรอบอร่อยเหมือนกัน หลังจากที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการผลิตสัตว์ปีกและภาควิชาสัตว์บาล คณะเกษตรกำแพงแสน ได้ดำเนินการศึกษาเรียนรู้ไก่ที้งสองพันธุ้ เป็นเวลามากกว่า 5ปี เมื่อทราบข้อดี ข้อเสีย และทิศทางความต้องการต้องการของตลาดแล้วจึงได้ทำการผสมข้ามเพื่อให้ได้ไก่ที่มีคุณภาพเนื้อที่สุดสำหรับผู้บริโภคโดยให้ชื่อว่า ไก่ตะเภาทองเกษตรศาสตร์

ลักษรณะทั่วไปของไก่ลูกผสมตะเภาทองเกษตรศาสตร์ รูปร่างสมส่วน สวยงามทั้งเพศผู้และเพศเมียลักษณะหงอนหินประมาณ 85 % และ 15% มีลักษณะหงอนจักร ขนสีเหลืองทอง แข้งสีเหลือง จงอยปากเหลือง หนังสือเรียบเนียน เนื้อนุ่มหวานกรอบอร่อยมากเป็นเอกลักษณ์ประจำพันธุ์ เลี้ยงง่าย แข็งแรง ทนโรค

การเลี้ยงและการดูแล

ในการเลี้ยงระยะแรกเกิดลูกไก่ตะเภาทองเกษตรศาสตร์ต้องการการกกให้ความอบอุ่นเช่นเดียวกับการเลี้ยงไก่ทั่วไป ใช้เวลาการกกประมาณ 1- 2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ การอนุบาลที่ถูกวิธีจะทำให้ไก่แข็งแรงและไม่มีปัญหาในเรื่องโรคตอนวัยเจริญพันธุ์ ส่วนวิธีการให้อาหารในช่วงแรกควรให้อาหารสำเร็จรูปสำหรับไก่ระยะอนุบาล การให้อาหารควรให้น้อยแต่บ่อยๆ ครั้ง ในระยะกกเพื่อกระตุ้นให้กินอาหารได้ดีมีความแข็งแรงและมีน้ำสะอาดให้ลูกไก่อย่างเพียงพอ โดยภายในพื้นที่กกรองพื้นด้วยแกลบ ขนาดพื้นที่กกขึ้นอยู่กับจำนวนไก่ ไม่ควรกว้างและแคบจนเกินไป เมื่อพ้นระยะกกประมาณอายุ 15-20 วันขยายพื้นที่เพิ่ม (พื้นที่ขนาด 4 x 5 เมตร เท่ากับ 20 ตารางเมตร เลี้ยงไก่ได้ 100 ตัว)

ในระยะแรก(0-3 สัปดาห์) ให้ใช้อาหารไก่เนื้อระยะแรก จนเมื่อไก่อายุได้ 3-4 สัปดาห์ สามารถใช้อาหารเสริมในการเลี้ยงได้เนื่องจากในระยะดังกล่าวไก่แข็งแรงสมบูรณ์พร้อมที่จะเรียนรู้และจิกกินพืชผัก ผลไม้ ใบไม้ใบหญ้า แหล่งอาหารเสริมสำหรับไก่พันธุ์ตะเภาทองเกษตรศาสตร์ จะได้จากการปลูกพืชผักของเกษตรกร ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น เช่นเปลือกข้าวโพดฝักอ่อน ฝรั่ง ชมพู แตงกวา หยวก กล้อย เป็นต้น ซึ่งไก่ลูกผสมตะเภาทองเกษตรศาสตร์มีความสามารถในการใช้อาหารและเศษพืชผักเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี และยังสามารถใช้พืชสมุนไพรต่างๆ ในการเลี้ยงเพื่อเป็นการเสริมสร้างให้ร่างกายของไก่ให้มีความสามารถในการทนทานโรคต่างๆ โดยไม่ใช้ยาปฏิชีวนะในการเลี้ยงได้ิีกด้วย

จากการเลี้ยงดูตามธรรมชาติเราจะพบว่าการเจริญเติมโตของไก่ตะเภาทองเกษตรศาสตร์สามารถนำมาเลี้ยงได้ตามธรรมชาติจริงๆ และอาหารที่ใช้ก็เป็นอาหารที่เป็นส่วนที่เหลือจากการปลูกของเกษตรกรหรือวัชพืชในสวน เช่น หยวกกล้วย หญ้าขน อาหารเหล่านี้เกษตรกรสามารถหาเองได้โดยไม่ต้องซื้อ นอกจากนี้ การขยายพันธุ์ของไก่ชนิดนี้สามารถไข่และฟักได้เองตามธรรมชาติ ไม่ต้องซื้อลูกไก่จากแหล่งอื่นอีกด้วย

เกษตรยั่งยืนหรือพอเพียงในที่นี้คือการที่เกษตรกรสามารถเพาะพันธุ์สัตว์เลี้ยงโดยไม่ต้องพึ่งพาภายนอกมีอาหารในครัวเรือนหรือจำหน่ายเป็นรายได้เสริม ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายหลังของเศรษฐกิจพอเพียงที่ต้องการให้เกษตรกรยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง

ติดตามข่าวสารไก่ชนได้ที่ สืบสานไก่ชน หรือไลน์แอด @cockfight888 

@cockfight888
LINE : @cockfight888